Learning Log out classroom:
สัปดาห์ที่ 6
การฝึกภาษาอังกฤษผ่านเพลง
Sutasinee Lertwatcha
กระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้นเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป
พยายามอย่าหักโหม เพราะการหักโหมนั้นก็เปรียบเสมือนการที่เราทำร้ายตัวเอง
หากมองย้อนกลับไป การที่เราสามารถเขียนและอ่านภาษาไทยได้นั้น เราก็ต้องใช้เวลา
โดยเริ่มเรียนตั้งแต่พยัญชนะ ก-ฮ
ดังนั้นการเรียนภาษาอังกฤษภายใต้สภาวะแวดล้อมรอบข้างที่ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษ
หรือสนทนาเป็นภาษาอังกฤษกับเรา
เราก็ต้องยิ่งเพิ่มความพยายามโดยหมั่นฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ฝึกวันละนิดแต่ก็ต้อสม่ำเสมอ
ไม่ว่าเราจะฝึกด้วยตัวเองหรือไปเรียนภาษาแบบเสียค่าใช้จ่าย
แน่นอนว่าหากเราขาดซึ่งความตั้งใจที่แน่วแน่แล้ว
ก็อย่าลงเรียนให้เสียเงินโดยใช่เหตุเลย เพราะจะไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ลงทุนไป
เมื่อพูดถึงการฝึกฝนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแล้ว การฝึกด้วยเพลงนับว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งในหลาย
ๆ วิธีที่มีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับต้น ๆ
เพราะนอกจากจะได้ฝึกฟังสำนวนภาษาและเรียนรู้วิธีการออกเสียงแล้ว
เพลงยังทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินและมีความตั้งใจในการเรียนรู้ได้นานขึ้นด้วย
สำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ผู้เขียนขอยกเคล็ดลับดี ๆ
ในการฝึกภาษาผ่านเพลง ดังนี้
1.รู้จักแหล่งเพลงดี ๆ
แน่นอนว่าทุกคนคงต้องรู้จักเว็บแชร์วิดีโอชื่อดังอย่าง
Youtube หรือ Vimeo เพราะเพียงแค่ 2 เว็บนี้ก็มีเพลงดี
ๆ ให้เลือกกันแทบไม่ไหว นะนำว่าสำหรับคนที่ยังฟังไม่คล่องนัก ลองเสิร์ชหรือค้นหาชื่อเพลงโดยใส่คีย์เวิร์ดอย่าง
subtitle หรือ lyrics ต่อท้าย
เพราะการมีเนื้อเพลงให้ร้องตามไปทีละท่อนจะช่วยให้การหัดฟังเพลงภาษาอังกฤษนั้นง่ายขึ้น
แต่หากอยากฟังเพลงแบบสนุกขึ้น ขอแนะนำให้รู้จักกับ Spotify เป็นโปรแกรมฟังเพลงออนไลน์กึ่งโซเชียลเน็ตเวิร์คที่สามารถเข้าไปส่อง
playlist ที่เพื่อน ๆ ฟังได้
เผื่อมีเพลงอะไรที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นแรนดอมเพลงใหม่ ๆ
มาให้เราลองฟัง โดยการใส่เพลงที่เราชอบลงไป โปรแกรมก็จะเลือกแนวเพลงแนวเดียวกับเพลงนั้นมาให้
และอีกเว็บหนึ่งที่อยากจะแนะนำคือ FluentU
เป็นอีกเว็บที่ได้ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการเรียนภาษาผ่านวิดีโอหรือเพลงโดยเฉพาะ
2.เลือกเพลงให้เหมาะสม
เราอาจเลือกเพลงที่เราชอบ
เพราะนั่นจะทำให้เราจดจ่ออยู่กับการฝึกได้นานขึ้น
ซึ่งเพลงนั้นอาจเป็นเพลงที่ใช้ภาษาไม่ง่ายและยากจนเกินไป
โดยเนื้อเพลงอาจเป็นคำที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้
นอกจากนี้ผู้ฟังอาจต้องระวังการออกเสียงที่ไม่ชัดเจนของนักร้องด้วย เช่น
เพลงแนวร็อคเมทัล อาจไม่ค่อยเหมาะในการนำมาใช้ฝึกภาษาสักเท่าไร
ซึ่งอาจเลือกเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวพอให้นึกภาพตามได้
หากเริ่มฝึกแบบมีพื้นฐานที่น้อยมาก ก็อาจลองเริ่มจากเพลงสำหรับเด็กหรือเพลงการ์ตูนดิสนีย์ก่อน
อีกแนวเพลงหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือเพลงป๊อป
เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก โรแมนติก ซึ่งใช้คำศัพท์ง่าย ๆ ซ้ำ ๆ
จากนั้นเมื่อชำนาญมากขึ้น จึงค่อยแตกสาขาไปฝึกเพลงประเภทอื่น ๆ ที่กว้างขึ้น
3.ฝึกอย่างเป็นขั้นตอน
การอ่านเนื้อเพลงตามไปด้วยนั้น
จะทำให้เราเข้าใจความหมายของเพลงและจดจำคำศัพท์ได้ดียิ่งขึ้น แต่การฟังครั้งแรก ๆ
ควรลองฟังแบบไม่ดูเนื้อเพลงก่อน
แล้วจึงพยายามเขียนคำศัพท์หรือประโยคเท่าที่พอจับใจความได้ออกมาให้ได้มากที่สุด
จากนั้นจึงค่อยฟังซ้ำ ๆ โดยเปิดเนื้อเพลงตามไปด้วย การทำเช่นนี้จะทำให้เราค่อย ๆ
ซึมซับความหมายของเพลงว่า เพงสื่อถึงอะไรและบอกอะไรให้เราได้รู้
นอกจากนี้แล้วเรายังได้พบศัพท์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
4.ร้องตามอย่างเต็มเสียง
ขั้นตอนนี้ถ้าไม่มั่นใจในน้ำเสียงของตัวเองแล้ว
แนะนำให้ฝึกร้องเพลงเวลาที่อยู่ในห้องคนเดียวจะเป็นการดีที่สุด
และเมื่อเวลาร้องเพลงตามก็ขอให้ร้องอย่างเต็มเสียง
และขยับปากอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฝึกกล้ามเนื้อริมฝีปาก
เพราะภาษาอังกฤษมีการใช้กล้ามเนื้อริมฝีปากมากกว่าภาษาไทย จึงควรฝึกบ่อย ๆ
เพราะจะทำให้สำเนียงของเราใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากขึ้น
นอกจากเพลิดเพลินกับการฟังเพลงแล้วยังเป็นการฝึกทักษะการพูดที่ดีอีกด้วย
5.พยายามร้องเพลงจากความจำ
ขั้นนี้เหมาะสำหรับคนที่ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองมาได้สักระยะจนชำนาญประมาณหนึ่งแล้ว
หรือเริ่มจกจำเนื้อเพลงของบางเพลงได้บ้างแล้ว เมื่อมีเวลาว่างก็ลองฝึกฮัมเพลงเป็นภาษาอังกฤษแบบไม่ดูเนื้อร้อง
เพราะจะช่วยให้เราคุ้นชินกับการใช้ภาอังกฤษในชีวิตประจำวันมากขึ้น
นอกจากนี้แล้วเราสามารถนำประโยคหรือข้อความในเพลงไปพูดหรือสื่อสารได้ด้วย
แต่ต้องดูบบริบทกาลเทศะด้วย เพราะบางครั้งประโยคนั้น ๆ
อาจเป็นวลีหรือประโยคที่ใช้พูดกับเพื่อน ๆ หรือสำหรับผู้ใหญ่
หรืออาจใช้คำที่เป็นทางการและไม่ทางการ เราจึงต้องพิจารณาในส่วนของตรงนี้ด้วย
6.ค้นหาเพลงใหม่ที่มีระดับยากขึ้น
เพื่อการฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพ
เราควรท้าทายตัวเองด้วยการเลือกเพลงที่ระดับยากขึ้น
ซึ่งจะทำให้สำนวนและคลังคำศัพท์ใหม่ ๆ ของเราเพิ่มมาขึ้นด้วย
หากเราไม่รู้ว่าจะเลือกเพลงตามลำดับความยากอย่างไรดี เว็บ FluentU สามารถช่วยเราได้
เป็นการเพิ่มความซับซ้อนและความยากของคำศัพท์ที่ท้าทายความสามารถของผู้ฝึกภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
ดังจะเห็นได้ว่าการฝึกภาษาอังกฤษให้ได้ผลที่ดีนั้น
ไม่จำเป็นที่เราจะต้องฝึกวันละหลาย ๆ ชั่วโมง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความต่อเนื่องและความสม่ำเสมอ อาจฝึกแค่วันละ 1-2
ชั่วโมง
แต่ต้องอย่าละทิ้งเป้าหมายลงกลางคัน
หากไม่ท้อถอยเสียก่อนไม่นานเกินรอเราก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน นั่นคือ
สามารถฟังและพูดภาษาอังกฤษด้วยความคล่องแคล่วและเข้าใจในสิ่งที่ผู้พูดส่งสารมา
นอกจากนี้แล้วยังเป็นการเพิ่มคลังของคำศัพท์ของเราไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย
ผู้เรียนจึงหมั่นฝึกฝนและมีวินัยต่อการฝึก
เพราะการเรียนรู้ภาษานั้นล้วนเป็นการฝึกทักษะทั้งสิ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น