.

.

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

Learning Log: สัปดาห์ที่ 6

Learning Log out classroom: สัปดาห์ที่ 6

การฝึกภาษาอังกฤษผ่านเพลง

Sutasinee Lertwatcha
            กระบวนการเรียนรู้ภาษาอังกฤษนั้นเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบค่อยเป็นค่อยไป พยายามอย่าหักโหม เพราะการหักโหมนั้นก็เปรียบเสมือนการที่เราทำร้ายตัวเอง หากมองย้อนกลับไป การที่เราสามารถเขียนและอ่านภาษาไทยได้นั้น เราก็ต้องใช้เวลา โดยเริ่มเรียนตั้งแต่พยัญชนะ ก-ฮ
ดังนั้นการเรียนภาษาอังกฤษภายใต้สภาวะแวดล้อมรอบข้างที่ไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษ หรือสนทนาเป็นภาษาอังกฤษกับเรา เราก็ต้องยิ่งเพิ่มความพยายามโดยหมั่นฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ฝึกวันละนิดแต่ก็ต้อสม่ำเสมอ ไม่ว่าเราจะฝึกด้วยตัวเองหรือไปเรียนภาษาแบบเสียค่าใช้จ่าย แน่นอนว่าหากเราขาดซึ่งความตั้งใจที่แน่วแน่แล้ว ก็อย่าลงเรียนให้เสียเงินโดยใช่เหตุเลย เพราะจะไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ลงทุนไป เมื่อพูดถึงการฝึกฝนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองแล้ว การฝึกด้วยเพลงนับว่าเป็นอีกวิธีหนึ่งในหลาย ๆ วิธีที่มีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับต้น ๆ เพราะนอกจากจะได้ฝึกฟังสำนวนภาษาและเรียนรู้วิธีการออกเสียงแล้ว เพลงยังทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินและมีความตั้งใจในการเรียนรู้ได้นานขึ้นด้วย สำหรับคนที่กำลังเริ่มต้นฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ผู้เขียนขอยกเคล็ดลับดี ๆ ในการฝึกภาษาผ่านเพลง ดังนี้
            1.รู้จักแหล่งเพลงดี ๆ
แน่นอนว่าทุกคนคงต้องรู้จักเว็บแชร์วิดีโอชื่อดังอย่าง Youtube หรือ Vimeo เพราะเพียงแค่ 2 เว็บนี้ก็มีเพลงดี ๆ ให้เลือกกันแทบไม่ไหว นะนำว่าสำหรับคนที่ยังฟังไม่คล่องนัก ลองเสิร์ชหรือค้นหาชื่อเพลงโดยใส่คีย์เวิร์ดอย่าง subtitle หรือ lyrics ต่อท้าย เพราะการมีเนื้อเพลงให้ร้องตามไปทีละท่อนจะช่วยให้การหัดฟังเพลงภาษาอังกฤษนั้นง่ายขึ้น แต่หากอยากฟังเพลงแบบสนุกขึ้น ขอแนะนำให้รู้จักกับ Spotify เป็นโปรแกรมฟังเพลงออนไลน์กึ่งโซเชียลเน็ตเวิร์คที่สามารถเข้าไปส่อง playlist ที่เพื่อน ๆ ฟังได้ เผื่อมีเพลงอะไรที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นแรนดอมเพลงใหม่ ๆ มาให้เราลองฟัง โดยการใส่เพลงที่เราชอบลงไป โปรแกรมก็จะเลือกแนวเพลงแนวเดียวกับเพลงนั้นมาให้ และอีกเว็บหนึ่งที่อยากจะแนะนำคือ FluentU เป็นอีกเว็บที่ได้ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการเรียนภาษาผ่านวิดีโอหรือเพลงโดยเฉพาะ
2.เลือกเพลงให้เหมาะสม
เราอาจเลือกเพลงที่เราชอบ เพราะนั่นจะทำให้เราจดจ่ออยู่กับการฝึกได้นานขึ้น ซึ่งเพลงนั้นอาจเป็นเพลงที่ใช้ภาษาไม่ง่ายและยากจนเกินไป โดยเนื้อเพลงอาจเป็นคำที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ นอกจากนี้ผู้ฟังอาจต้องระวังการออกเสียงที่ไม่ชัดเจนของนักร้องด้วย เช่น เพลงแนวร็อคเมทัล อาจไม่ค่อยเหมาะในการนำมาใช้ฝึกภาษาสักเท่าไร ซึ่งอาจเลือกเพลงที่บอกเล่าเรื่องราวพอให้นึกภาพตามได้ หากเริ่มฝึกแบบมีพื้นฐานที่น้อยมาก ก็อาจลองเริ่มจากเพลงสำหรับเด็กหรือเพลงการ์ตูนดิสนีย์ก่อน อีกแนวเพลงหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือเพลงป๊อป เพราะส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเพลงเกี่ยวกับความรัก โรแมนติก ซึ่งใช้คำศัพท์ง่าย ๆ ซ้ำ ๆ จากนั้นเมื่อชำนาญมากขึ้น จึงค่อยแตกสาขาไปฝึกเพลงประเภทอื่น ๆ ที่กว้างขึ้น
3.ฝึกอย่างเป็นขั้นตอน
การอ่านเนื้อเพลงตามไปด้วยนั้น จะทำให้เราเข้าใจความหมายของเพลงและจดจำคำศัพท์ได้ดียิ่งขึ้น แต่การฟังครั้งแรก ๆ ควรลองฟังแบบไม่ดูเนื้อเพลงก่อน แล้วจึงพยายามเขียนคำศัพท์หรือประโยคเท่าที่พอจับใจความได้ออกมาให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงค่อยฟังซ้ำ ๆ โดยเปิดเนื้อเพลงตามไปด้วย การทำเช่นนี้จะทำให้เราค่อย ๆ ซึมซับความหมายของเพลงว่า เพงสื่อถึงอะไรและบอกอะไรให้เราได้รู้ นอกจากนี้แล้วเรายังได้พบศัพท์ใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีกด้วย
4.ร้องตามอย่างเต็มเสียง
ขั้นตอนนี้ถ้าไม่มั่นใจในน้ำเสียงของตัวเองแล้ว แนะนำให้ฝึกร้องเพลงเวลาที่อยู่ในห้องคนเดียวจะเป็นการดีที่สุด และเมื่อเวลาร้องเพลงตามก็ขอให้ร้องอย่างเต็มเสียง และขยับปากอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฝึกกล้ามเนื้อริมฝีปาก เพราะภาษาอังกฤษมีการใช้กล้ามเนื้อริมฝีปากมากกว่าภาษาไทย จึงควรฝึกบ่อย ๆ เพราะจะทำให้สำเนียงของเราใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากขึ้น นอกจากเพลิดเพลินกับการฟังเพลงแล้วยังเป็นการฝึกทักษะการพูดที่ดีอีกด้วย
5.พยายามร้องเพลงจากความจำ
ขั้นนี้เหมาะสำหรับคนที่ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองมาได้สักระยะจนชำนาญประมาณหนึ่งแล้ว หรือเริ่มจกจำเนื้อเพลงของบางเพลงได้บ้างแล้ว เมื่อมีเวลาว่างก็ลองฝึกฮัมเพลงเป็นภาษาอังกฤษแบบไม่ดูเนื้อร้อง เพราะจะช่วยให้เราคุ้นชินกับการใช้ภาอังกฤษในชีวิตประจำวันมากขึ้น นอกจากนี้แล้วเราสามารถนำประโยคหรือข้อความในเพลงไปพูดหรือสื่อสารได้ด้วย แต่ต้องดูบบริบทกาลเทศะด้วย เพราะบางครั้งประโยคนั้น ๆ อาจเป็นวลีหรือประโยคที่ใช้พูดกับเพื่อน ๆ หรือสำหรับผู้ใหญ่ หรืออาจใช้คำที่เป็นทางการและไม่ทางการ เราจึงต้องพิจารณาในส่วนของตรงนี้ด้วย 
6.ค้นหาเพลงใหม่ที่มีระดับยากขึ้น
เพื่อการฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพ เราควรท้าทายตัวเองด้วยการเลือกเพลงที่ระดับยากขึ้น ซึ่งจะทำให้สำนวนและคลังคำศัพท์ใหม่ ๆ ของเราเพิ่มมาขึ้นด้วย หากเราไม่รู้ว่าจะเลือกเพลงตามลำดับความยากอย่างไรดี เว็บ FluentU สามารถช่วยเราได้ เป็นการเพิ่มความซับซ้อนและความยากของคำศัพท์ที่ท้าทายความสามารถของผู้ฝึกภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
ดังจะเห็นได้ว่าการฝึกภาษาอังกฤษให้ได้ผลที่ดีนั้น ไม่จำเป็นที่เราจะต้องฝึกวันละหลาย ๆ ชั่วโมง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความต่อเนื่องและความสม่ำเสมอ อาจฝึกแค่วันละ 1-2 ชั่วโมง แต่ต้องอย่าละทิ้งเป้าหมายลงกลางคัน หากไม่ท้อถอยเสียก่อนไม่นานเกินรอเราก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน นั่นคือ สามารถฟังและพูดภาษาอังกฤษด้วยความคล่องแคล่วและเข้าใจในสิ่งที่ผู้พูดส่งสารมา นอกจากนี้แล้วยังเป็นการเพิ่มคลังของคำศัพท์ของเราไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย ผู้เรียนจึงหมั่นฝึกฝนและมีวินัยต่อการฝึก เพราะการเรียนรู้ภาษานั้นล้วนเป็นการฝึกทักษะทั้งสิ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

.

.